กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าเร่งรัดแก้ปัญหาวิกฤติยางพารา เร่งรัดให้โรงงานที่จะประกอบกิจการในปี2559 จำนวน 80 โรงงานเปิดดำเนินการ คาดการณ์หากดำเนินการได้ตามกำหนดส่งผลให้มีกำลังการผลิตการเพิ่มขึ้น 8.7 แสนตันต่อปี พร้อมจัดตั้งทีมติดตามเร่งรัดโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบในการผลิตอุตสาหกรรมยางขั้นกลางและขั้นปลาย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและเร่งรัดให้โรงงานยางได้ดำเนินการเปิดกิจการเร็วขึ้นกว่าเดิม
ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายในการช่วยเหลือชาวสวนยางพาราที่ปัจจุบันปัญหายางพารามีราคาตกต่ำอย่างมาก กิโลละ20-30 บาท ปัญหาดังกล่าว กรมโรงงานอุตสาหกรรม มีมาตรการที่จะช่วยเหลือและส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมยาง โดยช่วยแก้ปัญหายางพารา และช่วยอำนวยความสะดวกให้กับโรงงานที่ขอใบอนุญาตขอขยายโรงงาน การจัดตั้งโรงงาน เพื่อผลักดันให้โรงงานสามารถประกอบกิจการได้โดยเร็วขึ้น ซึ่งทำให้มีกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ยางมากขึ้น
ดร.พสุ กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการเร่งรัดโรงงานที่ได้รับการอนุญาตให้ประกอบกิจการแล้ว กรอ.ได้จัดตั้งทีมคณะทำงานติดตาม เร่งรัดและให้คำปรึกษาแนะนำโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบในการผลิตอุตสาหกรรมยางขั้นกลางและขั้นปลายให้เริ่มประกอบกิจการได้เร็วขึ้น ปัจจุบันมีโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางที่จดทะเบียนกับ กรอ.ทั้งหมด 2,246 โรงงาน ใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบประมาณ 4.3 ล้านตันต่อปี ซึ่งในปี 2559 จะมีโรงงานเปิดดำเนินการและขยายโรงงาน จำนวน 80 โรงงาน ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตยาง8.7 แสนตันต่อปีจำนวนโรงงานที่จะเปิดดำเนินการในปี 2559
เดือน / ปี |
จำนวนโรงงาน |
มกราคม 2559 |
4 โรงงาน |
กุมภาพันธ์ 2559 |
14 โรงงาน |
มีนาคม 2559 |
5 โรงงาน |
เมษายน 2559 |
2 โรงงาน |
พฤษภาคม 2559 |
7 โรงงาน |
มิถุนายน 2559 |
8 โรงงาน |
กรกฎาคม 2559 |
5 โรงงาน |
สิงหาคม 2559 |
7 โรงงาน |
กันยายน 2559 |
13 โรงงาน |
ตุลาคม 2559 |
2 โรงงาน |
พฤศจิกายน 2559 |
6 โรงงาน |
ธันวาคม 2559 |
7 โรงงาน |
โดยใน 80 โรงงานนี้ ยังมีโรงงานที่ยังไม่แจ้งประกอบกิจการ ด้วยสาเหตุหลายประการ เช่น อยู่ระหว่างกำลังก่อสร้างโรงงาน จำนวน 13 โรงงาน กำลังแจ้งประกอบกิจการ จำนวน 5 โรงงาน กำลังติดตั้งเครื่อง 2 โรงงาน ขาดแหล่งเงินทุน จำนวน 1 โรงงาน ขยายเวลาการแจ้งประกอบ จำนวน 11 โรงงาน เงินทุนไม่พอ อยู่ระหว่างหาแหล่งเงินทุนหรือผู้ร่วมทุน จำนวน 9 โรงงาน ไม่เข้าเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อจากสถาบันการเงิน จำนวน 1 โรงงาน มีปัญหาสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและขาดตลาดรองรับ จำนวน 14 โรงงาน การก่อสร้างอาคารโรงงานล่าช้ากว่ากำหนด จำนวน 10 โรงงาน และมีปัญหาอื่นๆ อีก 5 โรงงาน
กรอ. จะเข้าไปดำเนินการอำนวยความสะดวกเพื่อให้สามารถดำเนินการเปิดขยายกิจการได้โดยจะมีทีมชุดตรวจสอบดังกล่าวให้คำปรึกษาโรงงานที่มีปัญหา ในกรณีที่โรงงานมีปัญหาไม่สามารถดำเนินการเปิดได้ คาดว่าหากโรงงานอุตสาหกรรมดังกล่าวเปิดดำเนินการครบทุกแห่งทั้ง 80 โรงงาน คาดว่าจะมีการกำลังการผลิตยางพาราเพิ่มขึ้น 8.7แสนตัน/ปี ทั้งนี้จะเร่งรัดให้โรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราเพิ่มปริมาณการเก็บสต๊อกยางพาราเป็นวัตถุดิบ รวมทั้งให้เตรียมการรองรับการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ยางพาราจากส่วนราชการต่างๆ ซึ่งในขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมได้มีการผลิตผลิตภัณฑ์จากยางพาราเพิ่มมากขึ้น เช่น หมอนสุขภาพ ถุงมือ รองเท้า แผ่นยางปูพื้น กาวน้ำยาง เป็นต้น
ด้าน นางวัลยา วงศาริยวานิช รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทดีสโตน กล่าวว่า กลุ่มบริษัท ดีสโตน ประกอบธุรกิจผลิตยางล้อรถเพื่อยานพาหนะประเภทต่างๆ มาเป็นระยะเวลา 40 ปี โดย บริษัท สวิซซ์–วัน คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นหนึ่งในบริษัทเครือกลุ่มบริษัท ดีสโตน มีการผลิตยางเพื่อยานพาหนะส่วนบุคคลประเภทเรเดียล ได้ให้การสนับสนุนภาครัฐของการพยุงราคายางด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้น ปัจจุบันมีการผลิตยางแบรนด์ deestone และแบรนด์ thunderer โดยล่าสุดทางกลุ่มดีสโตนได้มีการขยายโรงงาน รองรับความต้องการในสินค้าที่มีการสั่งซื้อมาจากต่างประเทศ คาดว่า ในปีนี้จะสามารถเพิ่มกำลังการการผลิตได้มากขึ้น จากเดิม 10000 ตันต่อปี เป็นใช้ยางไม่ต่ำกว่า 60,000 – 70,000 ตัน ต่อปี และจะพยายามขยายกำลังการผลิตให้เป็นไปตามแผนทางธุรกิจ คือ ในปี 2560 จะมีการใช้ยางมากกว่า 90,000 ตัน ต่อปี เพื่อใช้ผลิตยางทุกประเภทที่กลุ่มบริษัท ดีสโตนดำเนินธุรกิจอยู่ ซึ่งในแผนการขยายโรงงานนั้น ได้เริ่มมีการขยายโรงงานในส่วนของเรเดียลสำหรับยานพาหนะส่วนบุคคลที่จะเพิ่มกำลังการผลิตได้มากถึง 10 ล้าน เส้นต่อปี ในปี 2559 เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจที่ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ใช้ทั่วโลก